“หอพักค้า” เปิดเผยกว่า 600 บริษัท แห่จองซื้อวัคซีนวัววิดผ่านหอพักงการค้าไทย ชี้ไทยยังชักช้า หวาดหวั่นเสียเปรียบฝรั่ง
ที่หอการค้าไทย นายกลินท์  สารสิน ประธานกรรมการหอการค้าไทยแล้วก็ที่ประชุมหอการค้าที่เมืองไทย เผยออกมาว่า ผลพวงทางด้านเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นมาจากเหตุการณ์การแพร่ระบาดของวัววิด-19 ยังเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องจับตาอย่างใกล้ชิด และก็ยังมีความท้าอีกหลายแบบที่เมืองไทยจำต้องพบเจอในปี 2564 เวลาที่หลายประเทศทั้งโลกมีการฉีดยากันไปๆมาๆกพอควร ซึ่งนับว่าเป็นผลในด้านดีกับการฟื้นฟูสภาพของเศรษธุระโลก ด้วยเหตุนี้ เมืองไทยจำต้องมีแผนสำหรับการเปิดประเทศที่กระจ่างแจ้ง เพื่อรองรับการกลับมาของเศรษฐกิจ
“ก็เลยฝากการบ้านไปถึงทุกภาคส่วนที่เกี่ยวว่า เศรษฐกิจโลกกำลังจะรู้สึกตัวแล้ว เมืองไทยจัดแจงรับการฟื้นฟูสภาพดังที่ได้กล่าวผ่านมาแล้วได้ทันไหม”
นายกลินท์ กล่าวว่ากล่าว จุดสำคัญเร่งด่วนปัจจุบันนี้เป็นแผนบริหารจัดแจงวัคซีนที่แจ้งชัด โดยหอการค้าไทยเสนอ 4 ทางสำหรับเรื่องดังที่กล่าวถึงมาแล้ว ดังเช่น 1.ผู้กระทำระจายวัคซีนอย่างทั่วถึง โดยในภาคธุรกิจนั้น กรุ๊ปที่มีการเสี่ยงในธุรกิจบริการ ที่ควรมีการติดต่ออีกทั้งกับคนประเทศไทยรวมทั้งชาวต่างประเทศ ควรจะได้รับการฉีดเป็นลำดับต้นๆ
2.เมืองจะต้องมีแผนกระจายวัคซีนที่กระจ่างแจ้ง เพื่อเอกชนสามารถบริหารจัดแจงธุรกิจ ให้สอดคล้องกับแนวทางกระจัดกระจายวัคซีนได้อย่างมีคุณภาพ 3.รีบฉีดอย่างเร็ว ซึ่งเอกชนสามารถร่วมทำแนวทางกระจัดกระจายวัคซีน เพื่อเข้าถึงพลเมืองอย่างเร็ว รวมทั้งบริษัทที่มีกำลัง ก็ยินดีจ่ายค่าวัคซีนให้บุคลากรเองและก็ต้องการที่จะให้หลายหลายแบรนด์ ดังนี้ ดังที่รัฐบาลอยู่ระหว่างหารวมทั้งกระจัดกระจายการฉีดยาคุ้มครองปกป้องวัววิด-19 ให้แก่ประชากร รวมทั้งเกื้อหนุนให้ภาคเอกชนหาวัคซีนเพื่อฉีดให้แก่บุคลากรของตน โดยสถานพยาบาลของเมือง หรือโรงหมอเอกชน นั้น หอการค้าไทยและก็ที่ประชุมหอการค้าที่เมืองไทย ได้กระทำการตรวจสอบสิ่งที่จำเป็นของสถานประกอบการ
“ในขณะนี้ธุรกิจกว่า 600 บริษัท รวมได้ราว 750,000 คน รวมทั้งคาดว่าทั้งหมดทั้งปวงราวๆ 1 ล้านคน ซึ่งพวกเราจะนำจำนวนความอยากได้นี้ ไปพบรือกับภาครัฐสำหรับการหาวัคซีน เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับเพื่อการเปิดประเทศไม่มีอันตรายถัดไป ซึ่งหลายประเทศเริ่มฉีดแล้ว แล้วก็เร็วกว่าไทยมากมาย อย่าง เวียดนาม อินโดนีเซีย แม้กระนั้นไทยเพียงแค่1 เดือนฉีดยากว่า 4 หมื่นโดสเพียงแค่นั้น “
นายกลินท์ กล่าวว่ากล่าว แล้วก็ 4.การติดต่อสื่อสารสร้างความเชื่อมั่นและมั่นใจ โดยทุกฝ่ายจำเป็นต้องช่วยเหลือกันติดต่อสื่อสารอธิบายถึงความปลอดภัยของวัคซีน ซึ่งจะเป็นแถวทางในการบูรณะเศรษฐกิจของไทยให้เร็วเพิ่มขึ้น
ดังนี้ การทำงานร่วมกับภาครัฐนับว่าเป็นสิ่งที่จำเป็นเป็นอย่างมากสำหรับเพื่อการพลิกฟื้นเศรษฐกิจ ซึ่งหอการค้าไทยได้เข้าไปร่วมอยู่ในคณะกรรมการชุดต่างๆของภาครัฐ เพื่อส่งเสริมกระบวนการปฏิวัติเศรษฐกิจให้กำเนิดสมรรถนะสูงสุด อาทิเช่น เรื่อง Vaccine Passport สำหรับคนประเทศอื่นที่จะเดินทางเข้ามาในประเทศไทย การวางเป้าหมายรองรับการเปิดประเทศ ประเด็นการเปลี่ยนแปลงกฎต่างๆที่เป็นปัญหาในการดำเนินธุรกิจ (Ease of Doing Business) หัวข้อการท่องเที่ยวประสิทธิภาพสูง รวมถึงการดัดแปลง Happy Model หรือ โมเดลร่าเริงแจ่มใส สุขสบาย (รับประทานดี อยู่ดี บริหารร่างกายดี แบ่งปันสิ่งดีๆ) ซึ่งได้พรีเซ็นท์ต่อนายกฯไปแล้ว สิ่งกลุ่มนี้จะมีการบูรณาการด้วยกันหลายหน่วยงาน เพื่อกำเนิดผลดีกับเมืองไทยสูงที่สุด ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีเรื่องมีราวเกษตรราคาสูงที่จะจำเป็นต้องดําเนินการอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งอีกทั้งการท่องเที่ยวประสิทธิภาพสูงแล้วก็เกษตรค่าสูงจะเป็นข้อดีของประเทศที่สามารถช่วยลดความแตกต่าง รวมทั้งสร้างรายได้ที่จีรังยั่งยืนถัดไป  โดยหอการค้าไทยก็มีแนวทางสำหรับเพื่อการช่วยเหลือและก็ช่วยเหลือผู้ประกอบธุรกิจ SMEs และก็เกษตรกรโดยตลอด
นายกลินท์ กล่าวต่อว่าต่อขาน สิ่งที่ยังจำต้องเฝ้ามองในปีนี้ก็คือเรื่อง อากาศสะอาด แล้วก็การจัดการจัดแจงน้ำ โดยก่อนหน้านี้ หอการค้าไทย ได้เสนอร่าง พระราชบัญญัติอากาศสะอาดต่อสภานิติบัญญัติไปแล้ว ซึ่งรอคอยการใคร่ครวญอยู่ นอกจากนี้ หัวข้อการบริหารจัดแจงน้ำในฤดูร้อนนี้ ก็เป็นสิ่งที่น่าวิตกกังวลมากพอควร ซึ่งจึงควรติดตามความก้าวหน้ากันถัดไป
“24 มี.ค. หอการค้าไทยจะมีการออกเสียงคณะกรรมการชุดใหม่ แทนชุดเดิมที่ครบวาระลง แต่ว่าก็เชื่อถือว่า หนทางที่หอการค้าไทยได้จัดการโดยตลอดไม่ว่าจะช่วงใด จะสร้างผลดีต่อเศรษฐกิจของประเทศโดยรวม ด้วยเหตุนี้ ไม่ว่าใครจะมาเป็นประธาน หรือเป็นกรรมการก็ตาม ทุกคนจะร่วมมือกันเพื่อชาติถัดไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มของผู้คนแบบใหม่ที่จะเข้ามาช่วยเสริมและก็สานเจตนาของหอการค้าถัดไป” นายกลินท์ กล่าว
นักข่าวแถลงการณ์ว่า นายลั่น อังอุบลกุล รองประธานหอการค้าไทยจะขึ้นเป็นประธานหอการค้าไทยคนต่อไทย