หัวหน้ากะเหรี่ยงเชื่อผู้ขับเรือบินรบเข้าเขตน่านฟ้าไทย ‘ไม่ใช่คนเมียนมาร์’ กษิตจวกรัฐบาลขาดตกบกพร่อง เสนอชายแดนเป็น no-fly zone ราษฎรถูกยิงรถยนต์โอดไม่มีคนรับผิดชอบความทรุดโทรม
ช่วงวันที่ 1 เดือนกรกฎาคม พล.ตำบลเนอดา โบ เมียะ ผู้บังคับบัญชากองกำลังป้องกันกะเหรี่ยงแห่งชาติ (Karen National Defense Organization : KNDO) ที่สหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง (Karen National Union : KNU) ซึ่งกำลังร่วมกับกองกำลังปล่อยพสกนิกรกะเหรี่ยง (Karen National Liberation Army-KNLA) กองพล 6 รวมทั้งผู้ช่วยเหลือ ต่อสู้กับทหารกองทัพประเทศพม่าเพื่อยึดฐานทหารประเทศพม่าใกล้หมู่บ้านอูมึงร้ท่า รอบๆชายแดนไทย ตรงกันข้ามกับอำเภอเจอพระ จังหวัดตาก ให้สัมภาษณ์ว่า
ดำเนินการคราวนี้เริ่มเมื่อวันที่ 26 เดือนมิถุนายน โดยสามารถยึดฐานทหารเมียนมาร์ที่อูมึงร้ท่าได้ในวันที่ 30 เดือนมิถุนายน ทำให้ทหารประเทศพม่าจะต้องใช้เรือบินรบทำการเพื่อยึดฐานกลับ แม้กระนั้นจนกระทั่งในช่วงเวลานี้ก็ยังยึดมิได้ เหตุเพราะกองกำลังกะเหรี่ยงรวมทั้งผู้ส่งเสริมได้กระจายตัว ก็เลยยังประจันหน้ากันอยู่
พล.ตำบลเนอดา โบ เมียะ บอกว่า ต้นเหตุที่จำต้องยึดฐานทหารเมียนมาร์ที่นี้เพราะเหตุว่าเดิมเคยเป็นหลักที่ของ KNU แต่แล้วเมื่อตอนปี 1995 ทหารเมียนมาร์ได้ร่วมกับทหารดีเคที่ปรึกษาความงามเข้ายึดพื้นที่ ก่อนหน้านี้พวกเราบากบั่นส่งสัญญาณให้ทหารประเทศพม่าออกไป แต่ว่าเขาก็ไม่ฟัง และก็พื้นที่ที่นี้เป็นหลักที่ที่มีความสำคัญในการรบสำคัญรวมทั้งอยู่ใกล้กับพื้นที่อูเอ็งร้ท่า ซึ่งเป็นฐานใหญ่ของทหารประเทศพม่า ทำให้เขาสามารถส่งกำลังพลมาได้ตลอด
“ที่จริงแล้วจุดหมายของพวกเราไม่ใช่แค่ยึดค่ายที่นี้แค่นั้น แม้กระนั้นพวกเราอยากได้ยึดพื้นที่ตลอดชายแดนตั้งแต่กองพล 5 (ตรงกันข้ามจังหวัดแม่ฮ่องสอน) ไปจนกระทั่งกองพล 4 (ตรงกันข้ามกับจังหวัดกาญจนบุรี) คืนมาทั้งหมดทั้งปวง หากแม้ในขณะนี้กองทัพประเทศพม่าจะส่งกำลังเข้ามาเสริมเยอะแยะ แม้กระนั้นพวกเราก็จะสู้ถัดไป” ผู้บังคับบัญชา KNDO กล่าว
นักข่าวถามผลของการทำศึกว่าเป็นเยี่ยงไรบ้าง พล.ตำบลเนอดา โบ เมียะ บอกว่า ทหารประเทศพม่าเสียหายหนัก โดยมีทหารเสียชีวิตรวมทั้งเจ็บโดยประมาณ 200 คน ส่วนกองกำลังกะเหรี่ยงเสียชีวิตราวๆ 9-10 คน
เมื่อถามหาตำแหน่งที่ตั้งรอบๆดังที่กล่าวถึงแล้วเป็นยังไง เพราะเหตุใดเรือบินรบของกองกองทัพก็เลยจำเป็นต้องล่วงล้ำเข้ามาในอาณาเขตไทย
พล.ตำบลเนอดา โบ เมียะ พูดว่า “ผมรู้สึกว่าเหตุผลจริงๆเป็นผู้ขับเรือบินไม่ใช่คนเมียนมาร์ แม้กระนั้นเป็นชาวรัสเซีย เขาเลยไม่ทราบชายแดน เหมือนกันกับเมื่อครั้งที่เขาใช้เรือบินรบต่อสู้กับทหารกะเหรี่ยงที่ชายแดนด้านแม่น้ำสาวิน รวมทั้งมีเรือบินรบเข้ามาที่บ้านท่าตาฝั่ง (อำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน) นักบินพวกนั้นก็ไม่ใช่คนเมียนมาร์ เพราะว่าคนเมียนมาร์ไม่เก่งขนาดนั้น เรือบินพวกนั้นซื้อมาจากรัสเซียแล้วก็มีชาวรัสเซียมาฝึกการสอนให้ จริงๆแนวชายแดนจะต้องเป็นเขตห้ามบิน ประเด็นนี้จำเป็นจะต้องเตือนกองทัพเมียนมาร์”
เมื่อถามอีกว่า ทำการทำศึกคราวนี้จะไม่จบสิ้นอีกนานหรือเปล่า
ผู้บังคับบัญชา KNDO บอกว่า ก็จะต้องสู้กันถัดไปเรื่อยซึ่งปัจจุบันนี้พวกเรามี PDF (กองกำลังรักษาสามัญชน หรือ The People’s Defense Froce : PDF) ร่วมด้วยจำนวนไม่น้อย พวกเขาไม่มีบ้านอยู่เนื่องจากว่าโดนทหารประเทศพม่ารังควานและก็ฆ่า โดยเหตุนี้ ก็เลยจะต้องหลบมาอยู่ตามแนวชายแดน
ด้าน นายเย็น สกุลหัวใจ ราษฎรซึ่งมาทำสวนปาล์มและก็เลี้ยงแพะอยู่รอบๆชายแดนวาเล่ย์ อำเภอเจอพระ ให้สัมภาษณ์ถึงตอนจังหวะที่ถูกปืนกลจากเรือบินรบของทหารประเทศพม่ายิงใส่รถยนต์ตอนวันที่ 30 เดือนมิถุนายนก่อนหน้านี้ที่ผ่านมา ว่าขณะนั้นตนอยู่ห่างจากรถยนต์ราว 50 เมตร ได้ยินเสียงเรือบินบินวนมา 3 รอบ รอบๆ 2 เรือบินได้เอียงตัวต่ำ แม้กระนั้นพอเพียงรอบ 3 บินลดลงขนาดยอดต้นยูคาลิปตัส พร้อมทั้งยิงลูกกระสุนปืนมายากลใส่รถยนต์ของตัวเอง ซึ่งตนได้หมอบลง เวลาที่ลูกน้อง 2 คนต่างวิ่งหนีกันเกลื่อนกลาดกระจัดกระจาย
“ผมไม่รู้จักว่าจุดหมายเขาปรารถนายิงอะไร เพราะว่าสวนที่นี้อยู่ห่างจากชายแดน 1 กม. และก็ฐานทหารของ KNU ก็อยู่ห่างลึกเข้าไปในประเทศพม่า หรือเขามองเห็นรถยนต์ผมเป็นสีส้มสะดุดตา” นายตอนเย็นกล่าว
นายเย็นพูดว่า หลังจากเหตุสงบลงได้เข้าไปมองความทรุดโทรมที่รถยนต์ พบว่ามีรูลูกปืน 24 รู รวมทั้งได้แจ้งให้รับรองได้รับรู้ ซึ่งก็ไม่แน่ใจว่าจะได้รับค่าชดเชยหรือเปล่า นอกนั้น ยังได้แจ้งไปยังหน่วยงานต่างๆอีกทั้งผู้ใหญ่บ้าน ทหารรวมทั้งตำรวจ นอกนั้น ยังมีอีกหลายหน่วยงานเข้ามาถาม แต่ว่าไม่มีผู้ใดเอ่ยถึงความย่ำแย่ที่เกิดขึ้นว่าใครกันแน่จะเป็นผู้ใช้
“ทุกหนผมมักเอาลูก 2 คนไปสวนด้วย แล้วก็พวกเขามักนั่งพักผ่อนโทรศัพท์อยู่ในรถยนต์ แม้กระนั้นโชคดีวันนี้เขาไปสถานที่เรียน ไม่อย่างนั้นอาจตายกันหมด ที่จริงแล้วระยะนี้เขาก็ยิงกันเกือบจะทุกวี่ทุกวันในตอนนี้ แม้กระนั้นมันอยู่ฝั่งนู่น เมื่อเกิดเหตุการณ์ยิงรถยนต์ผม ทำให้มีอาการชาวบ้านรู้สึกกลัวว่าจะมีความผิดพลาดเกิดขึ้นอีกหรือเปล่า” นายเย็นกล่าว แล้วก็ว่า เหตุการณ์ปัจจุบันก็ยังคงมีเสียงปืนดังโดยตลอดในฝั่งเมียนมาร์
นายกษิต ภิรมย์ อดีตกาลรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ พูดว่า ตนร่วมกับเพื่อนพ้องๆภาคประชาชนสังคมไทยและก็สหายๆสมาชิกประเทศอาเซียน เรียกร้องต่อรัฐบาล พล.อำเภอประยุทธ์มานานร่วมปีให้รัฐบาลไทยประกาศพื้นที่ชายแดนเป็น no-fly zone หรือเขตห้ามบิน เนื่องจากเป็นการรุกรามอำนาจอธิปไตยและก็ความมั่นคงยั่งยืนของประเทศ โดยยิ่งไปกว่านั้นรอบๆชายแดนไทย-เมียนมาร์ ซึ่งกองทัพประเทศพม่าได้ส่งเรือบินรบมาทิ้งระเบิดกองกำลังเผ่าพันธุ์อยู่หลายครั้ง แต่ว่าก่อนหน้านี้รัฐบาลชุดนี้กลับไม่ทำอะไรเลย ปัจจุบันถึงกับขนาดที่เรือบินรบประเทศพม่าข้ามถิ่นมาฝั่งเมืองไทย สะท้อนให้มองเห็นถึงความผิดพลาดแล้วก็การปลดปล่อยปละ
นายกษิตกล่าวว่า เหตุการณ์ในรูปแบบนี้ไม่ใช่เพิ่งจะเกิดขึ้น เนื่องจากว่ามีการทำสงครามรอบๆชายแดนมานานนับปี แล้วก็พวกตนก็เรียกร้องมายาวนานให้ประกาศเขตห้ามบิน ในเวลาที่นายกฯอ้างความเกี่ยวข้องอันดีกับประเทศพม่า แต่ไม่มีการห้ามห้ามกัน การบอกว่าเรือบินประเทศพม่าเพียงแค่มาตีวงล้อมรวมทั้งล้ำเข้ามาหน่อยเดียว บอกแบบนั้นมิได้ เนื่องจากคือเรื่องของการฝ่าฝืนอำนาจอธิปไตยของประเทศ ซึ่งเป็นหน้าที่ของนายกฯแล้วก็รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมควรต้องปฏิบัติงาน ไม่ใช่โอนเอนเห็นอกเห็นใจทหารเมียนมาร์สิ่งเดียว แต่ว่าสามัญชนที่อยู่รอบๆชายแดนจะต้องหวาดสะดุ้ง
“ที่กล่าวว่ามีความเกี่ยวพันที่ดีกับทหารประเทศพม่า จะเอามาอ้างมิได้ เนื่องจากความเกี่ยวเนื่องที่ดีก็ไม่ใช่อนุญาตให้ประเทศพม่าฝ่าฝืนกฎข้อบังคับได้ อย่าเอาความเชื่อมโยงที่ดีมาอ้าง ความเกี่ยวข้องที่ดีเป็นอีกประเทศหนึ่งนับถืออำนาจอธิปไตยอีกประเทศหนึ่ง ความข้องเกี่ยวที่ดีจำเป็นต้องอยู่บนพื้นที่การกระทำที่ดีต่อกัน” นายกษิตกล่าว
อดีตกาลรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเอ๋ยถึงในกรณีที่มีรถยนต์ราษฎรไทยถูกเรือบินรบประเทศพม่ายิง ว่าเป็นความเสียหายที่รัฐบาลไทยจำต้องเรียกร้องเอาจากทหารประเทศพม่าให้ได้